ประโยคหัวกระทู้
"ขอบคุณพ่อมากๆค่ะ ที่ทำงานหนัก พ่อมีบ้านให้หนูแล้ว"
เป็นประโยคที่ลูกสาว 4 ขวบพูด ขอเล่าที่ไปที่มานะคะ
เริ่มจากตอนเช้าเราจะเป็นคนไปส่งลูกที่รร. ตอนเย็นสามีจะรับกลับ (ก่อนที่เราจะทำงานเราก็จะไปรับด้วย ตอนนี้ทำงานได้4เดือน)
เช้าวันนึง ลูกบอกว่าอยากได้บ้านใหญ่ๆแบบนี้ เนื่องจากรร.อยู่ในซอย ซึ่งมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย
เราเลยบอกว่า จ้าๆๆ ลูกจะพูดแบบนี้ทุกเช้า จนวันนึงเค้าบอกว่า พ่อบอกว่ากำลังเก็บเงินซื้อบ้านให้หนูอยู่
เค้าดีใจมากจะพูดด้วยเสียงสดใสตลอด พอถึงเช้าวันต่อมา
ลูก : หนูอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆแบบนี้
เรา: พ่อกำลังเก็บเงินอยู่จ้า
ลูก: แต่พ่อบอกว่า พ่อไม่มีเงิน (จากนั้นทำหน้าเศร้าๆ)
เรา: งั้นเราก็ต้องเก็บเงิน พอเก็บได้เยอะๆ เราจะได้ซื้อบ้านนะ
ลูก: เย้ๆๆ
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดว่า เค้าจะเอาคำพูดเราไปคิดจริงจัง ตั้งแต่นั้นมาก เค้าจะคอยเก็บเหรียญใส่กระปุกตลอด
ทำทุกวัน เก็บทุกวัน บางวันก็ถามว่า พ่อมีเงินมั้ย หนูจะเอามาหยอดกระปุก หนูจะเก็บตังซื้อบ้าน
หลายวันต่อมา เค้ามาถามเราว่า
ลูก: แม่ เราจะซื้อบ้านรึยัง หนูมีเงินเยอะแล้วนะ
แม่: ยังไม่พอหรอกลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่เก็บเงินอีกหน่อยนะ
ลูก: ถ้าไม่พอ แม่เอาที่ยายได้นะ เงินหนูอยู่ที่ยาย
(เค้าหมายถึงสมุดบัญชี เราทำ2เล่ม เราเก็บให้เค้าเองเล่มนึง สำหรับบ้านเราเวลาให้เงินเค้าอีกเล่มนึง เล่มนี้เราจะฝากแม่เอาไว้ เค้าคงได้ยินตอนคุยกัน)
ลูก: ถ้าเงินไม่พอ ก็ขอเงินยายได้นะ ยายใจดี (อันนี้แอบฮา 555)
เรื่องบ้านเราก็ไม่ได้นิ่งเฉยนะคะ กำลังทำสเตทเม้น ทำบัญชีให้ดูดี จะได้กู้ง่าย กำลังเก็บอย่างเดียว ไม่พยายามใช้
เนื่องจากก่อนแต่งงาน เราทำงานไม่ถึงปีไม่มีประกันสังคม พอแต่งงานก็ไม่ได้ทำงาน จนลูกเข้าอนุบาลถึงหางานทำ
เงินเดือนไม่ได้มากค่ะ และสามีก็ติดเรื่องกู้บ้านแม่เรา ที่เค้าทำเรื่องให้ที่บ้านเราอยู่ล้านกว่าบาท
ถ้าจะกู้เพิ่มต้องกู้ร่วมกัน และวงเงินอาจจะไม่เยอะ คงดูๆบ้านแค่2-3ล้าน
เรากะว่าปลายปีจะลองทำเรื่องกู้ดู ตอนนั้นเราก็ทำงานได้1ปี มีเงินในบัญชีอยู่บ้าง
และประโยคที่ลูกพูด ที่ทำให้เรารู้สึกจุก อึ้งและสงสารเค้ามากๆ คือ
เย็นวันนึง ลูกไปเห็นอัลบัมรูปบ้านที่สามีเค้าล้างให้ลูกค้าดู (สามีเป็นสถาปนิกค่ะ)
ลูกก็กรี๊ดๆ ด้วยเสียงดีใจ
"พ่อๆ ขอบคุณพ่อมากๆค่ะ ที่ทำงานหนัก พ่อมีบ้านให้หนูแล้ว"
เรากับสามีก็มองหน้ากัน เราก็ถามว่ามีอะไรลูก
ลูก: ก็นี่ไง บ้าน (ลูกก็หยิบอัลบัมมาให้ดู)
เรา: อ่อ นี่งานของพ่อ เอาให้ลูกค้าดู
ลูก: อ้าวหรอ ของลูกค้าหรอ
ลูกทำหน้าผิดหวังมากๆ เราสงสารลูกมากเลย รู้สึกอึดอัดใจ รู้สึกแย่มากๆ
นาทีนั้น เราพูดอะไรต่อไม่ออก ก็ได้แต่บอกว่า รอแม่เก็บเงินได้เยอะๆนะ เราจะมีบ้านหลังโตๆ
แต่เราก็เอาทุกคำพูดของลูก ไว้เป็นแรงผลักดันในชีวิต ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีพลัง เราต้องทำให้ได้ เพื่อลูก
เราก็ได้แต่รอเวลาเก็บเงิน สักวันต้องมีบ้านให้ลูก และจะทำให้ลูกกรี๊ดดีใจเหมือนอย่างวันนั้นให้ได้
***
ขอแท็กไปห้องชายคาด้วย เพราะเราก็คอยสอดส่องดูรีวิวอยู่
อีกอย่าง เราก็ทำบริษัททางด้านนี้ เวลาต้องดูเฟอร์นิเจอร์ให้ลูกค้า
เราก็อยากได้บ้านไวๆ อยากแต่งบ้านบ้าง วันนึงเราคงได้รีวิวบ้านของเราเองบ้าง
สุดท้าย เราว่า ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เป็นเหมือนเรา ยังไงก็พยายามสู้กันต่อไปค่ะ ^^
"ขอบคุณพ่อมากๆค่ะที่ทำงานหนัก พ่อมีบ้านให้หนูแล้ว"
"ขอบคุณพ่อมากๆค่ะ ที่ทำงานหนัก พ่อมีบ้านให้หนูแล้ว"
เป็นประโยคที่ลูกสาว 4 ขวบพูด ขอเล่าที่ไปที่มานะคะ
เริ่มจากตอนเช้าเราจะเป็นคนไปส่งลูกที่รร. ตอนเย็นสามีจะรับกลับ (ก่อนที่เราจะทำงานเราก็จะไปรับด้วย ตอนนี้ทำงานได้4เดือน)
เช้าวันนึง ลูกบอกว่าอยากได้บ้านใหญ่ๆแบบนี้ เนื่องจากรร.อยู่ในซอย ซึ่งมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย
เราเลยบอกว่า จ้าๆๆ ลูกจะพูดแบบนี้ทุกเช้า จนวันนึงเค้าบอกว่า พ่อบอกว่ากำลังเก็บเงินซื้อบ้านให้หนูอยู่
เค้าดีใจมากจะพูดด้วยเสียงสดใสตลอด พอถึงเช้าวันต่อมา
ลูก : หนูอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆแบบนี้
เรา: พ่อกำลังเก็บเงินอยู่จ้า
ลูก: แต่พ่อบอกว่า พ่อไม่มีเงิน (จากนั้นทำหน้าเศร้าๆ)
เรา: งั้นเราก็ต้องเก็บเงิน พอเก็บได้เยอะๆ เราจะได้ซื้อบ้านนะ
ลูก: เย้ๆๆ
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดว่า เค้าจะเอาคำพูดเราไปคิดจริงจัง ตั้งแต่นั้นมาก เค้าจะคอยเก็บเหรียญใส่กระปุกตลอด
ทำทุกวัน เก็บทุกวัน บางวันก็ถามว่า พ่อมีเงินมั้ย หนูจะเอามาหยอดกระปุก หนูจะเก็บตังซื้อบ้าน
หลายวันต่อมา เค้ามาถามเราว่า
ลูก: แม่ เราจะซื้อบ้านรึยัง หนูมีเงินเยอะแล้วนะ
แม่: ยังไม่พอหรอกลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่เก็บเงินอีกหน่อยนะ
ลูก: ถ้าไม่พอ แม่เอาที่ยายได้นะ เงินหนูอยู่ที่ยาย
(เค้าหมายถึงสมุดบัญชี เราทำ2เล่ม เราเก็บให้เค้าเองเล่มนึง สำหรับบ้านเราเวลาให้เงินเค้าอีกเล่มนึง เล่มนี้เราจะฝากแม่เอาไว้ เค้าคงได้ยินตอนคุยกัน)
ลูก: ถ้าเงินไม่พอ ก็ขอเงินยายได้นะ ยายใจดี (อันนี้แอบฮา 555)
เรื่องบ้านเราก็ไม่ได้นิ่งเฉยนะคะ กำลังทำสเตทเม้น ทำบัญชีให้ดูดี จะได้กู้ง่าย กำลังเก็บอย่างเดียว ไม่พยายามใช้
เนื่องจากก่อนแต่งงาน เราทำงานไม่ถึงปีไม่มีประกันสังคม พอแต่งงานก็ไม่ได้ทำงาน จนลูกเข้าอนุบาลถึงหางานทำ
เงินเดือนไม่ได้มากค่ะ และสามีก็ติดเรื่องกู้บ้านแม่เรา ที่เค้าทำเรื่องให้ที่บ้านเราอยู่ล้านกว่าบาท
ถ้าจะกู้เพิ่มต้องกู้ร่วมกัน และวงเงินอาจจะไม่เยอะ คงดูๆบ้านแค่2-3ล้าน
เรากะว่าปลายปีจะลองทำเรื่องกู้ดู ตอนนั้นเราก็ทำงานได้1ปี มีเงินในบัญชีอยู่บ้าง
และประโยคที่ลูกพูด ที่ทำให้เรารู้สึกจุก อึ้งและสงสารเค้ามากๆ คือ
เย็นวันนึง ลูกไปเห็นอัลบัมรูปบ้านที่สามีเค้าล้างให้ลูกค้าดู (สามีเป็นสถาปนิกค่ะ)
ลูกก็กรี๊ดๆ ด้วยเสียงดีใจ
"พ่อๆ ขอบคุณพ่อมากๆค่ะ ที่ทำงานหนัก พ่อมีบ้านให้หนูแล้ว"
เรากับสามีก็มองหน้ากัน เราก็ถามว่ามีอะไรลูก
ลูก: ก็นี่ไง บ้าน (ลูกก็หยิบอัลบัมมาให้ดู)
เรา: อ่อ นี่งานของพ่อ เอาให้ลูกค้าดู
ลูก: อ้าวหรอ ของลูกค้าหรอ
ลูกทำหน้าผิดหวังมากๆ เราสงสารลูกมากเลย รู้สึกอึดอัดใจ รู้สึกแย่มากๆ
นาทีนั้น เราพูดอะไรต่อไม่ออก ก็ได้แต่บอกว่า รอแม่เก็บเงินได้เยอะๆนะ เราจะมีบ้านหลังโตๆ
แต่เราก็เอาทุกคำพูดของลูก ไว้เป็นแรงผลักดันในชีวิต ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีพลัง เราต้องทำให้ได้ เพื่อลูก
เราก็ได้แต่รอเวลาเก็บเงิน สักวันต้องมีบ้านให้ลูก และจะทำให้ลูกกรี๊ดดีใจเหมือนอย่างวันนั้นให้ได้
***
ขอแท็กไปห้องชายคาด้วย เพราะเราก็คอยสอดส่องดูรีวิวอยู่
อีกอย่าง เราก็ทำบริษัททางด้านนี้ เวลาต้องดูเฟอร์นิเจอร์ให้ลูกค้า
เราก็อยากได้บ้านไวๆ อยากแต่งบ้านบ้าง วันนึงเราคงได้รีวิวบ้านของเราเองบ้าง
สุดท้าย เราว่า ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เป็นเหมือนเรา ยังไงก็พยายามสู้กันต่อไปค่ะ ^^